รองเท้าเซฟตี้ หรือรองเท้านิรภัย (Safety Shoes) เป็นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อให้ความปลอดภัยสำหรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่อาจเกิดอันตรายได้ง่าย รองเท้าเซฟตี้จึงเป็นอุปกรณ์ป้องกันอันตรายบริเวณเท้าและขาที่สำคัญ โดยลดความเสี่ยงจากการทำงานในสภาพแวดล้อมอันตราย รวมทั้งช่วยป้องกันการบาดเจ็บและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
ประเภทของรองเท้าเซฟตี้หรือรองเท้านิรภัย
รองเท้าเซฟตี้มีหลายประเภทออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งประเภทหลักๆ ได้ดังนี้
- รองเท้าหัวเหล็ก (Steel Toe Shoes/Boots) – มีหัวรองเท้าทำจากเหล็กหรือโลหะแข็งแรง เพื่อป้องกันอันตรายจากการกระแทกหรือวัตถุหนักทับ
- รองเท้าพื้นเหล็ก (Steel Midsole/Plate Shoes) – มีแผ่นเหล็กฝังอยู่ระหว่างพื้นรองเท้า ป้องกันการถูกแทงจากวัตถุมีคม
- รองเท้าป้องกันไฟฟ้า (Electrical Hazard Shoes) – วัสดุฉนวนพื้นรองเท้า เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า
- รองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ (Antistatic Shoes) – วัสดุนำไฟฟ้าสถิต ป้องกันการสะสมประจุไฟฟ้าสถิตย์
- รองเท้าป้องกันสารเคมี (Chemical Resistant Shoes) – ทำจากวัสดุพิเศษทนต่อสารเคมี เช่น กรด ด่าง สารตัวทำละลาย
- รองเท้ากันน้ำ (Waterproof Safety Shoes) – ทนน้ำและป้องกันสภาพเปียก ใช้งานในสภาพแวดล้อมเปียกชื้น
- รองเท้ากันไฟ (Fire Resistant Shoes) – วัสดุทนต่อความร้อนและเปลวไฟ สำหรับงานที่มีความเสี่ยงจากไฟไหม้
- รองเท้านิรภัยพิเศษ – ผสมคุณสมบัติหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน เช่น ทนทั้งสารเคมี ไฟฟ้า และความร้อน เป็นต้น
นอกจากนี้ยังแบ่งตามวัสดุ เช่น รองเท้าหนัง รองเท้าผ้า ตามประเภทของงานและสภาพแวดล้อม เพื่อให้ได้ความปลอดภัยและเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด
คุณสมบัติของรองเท้าแต่ละประเภท
รองเท้าหัวเหล็ก (Steel Toe Shoes/Boots)
- ปลายรองเท้าทำจากเหล็กกล้าหรือโลหะเจือแข็งแกร่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากการกระแทกหรือวัตถุหนักทับบริเวณนิ้วเท้าและส้นเท้า
- สามารถป้องกันแรงกระแทกจากวัตถุหนักได้ถึง 200 จูล หรือ 6.5 กิโลกรัมตกจากระดับความสูง 1 เมตร
- นิยมใช้ในงานก่อสร้าง, งานในโรงงานอุตสาหกรรม, งานซ่อมบำรุง เนื่องจากมีความทนทานและให้การป้องกันสูง
- ทำจากวัสดุอย่างดี เช่น หนังวัว หนังกลับ พลาสติกอย่างแข็งแรง เพื่อทนทานต่อการใช้งานหนัก
- บางรุ่นมีดีไซน์ที่กันน้ำ ทนต่อสารเคมี หรือฉนวนกันไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะด้าน
- ด้านในอาจบุด้วยวัสดุนุ่มเพื่อเพิ่มความสบายเท้า สวมใส่ได้นาน
รองเท้าหัวเหล็กจึงเป็นหนึ่งในมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการทำงานภาคสนาม เพื่อลดอุบัติเหตุและบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้จากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่ออันตราย
รองเท้าพื้นเหล็ก (Steel Midsole/Plate Shoes)
มีแผ่นเหล็กบางๆ หรือแผ่นเหล็กกล้าฝังอยู่ระหว่างพื้นรองเท้ากับส้นรองเท้า เพื่อเพิ่มการป้องกันไม่ให้วัตถุมีคม เช่น เข็ม ตะปู หรือสิ่งของที่แหลมคมแทงทะลุจากด้านล่างขึ้นมา ซึ่งอาจทำให้เกิดบาดแผลที่ฝ่าเท้าได้
- 2. ช่วยกระจายแรงกดจากวัตถุมีน้ำหนักมากกระแทกลงที่พื้นรองเท้า ลดอาการบาดเจ็บบริเวณฝ่าเท้า
- 3. สำหรับใช้ในงานก่อสร้าง โรงงาน คลังสินค้า ที่มีโอกาสเหยียบวัตถุมีคมหรือวัสดุตกหล่นจากที่สูง
- 4. บางรุ่นผลิตจากโลหะอื่นแทนเหล็ก เช่น อะลูมิเนียม เพื่อลดน้ำหนัก แต่มีความแข็งแรงใกล้เคียงกัน
- 5. ด้านบนรองเท้าอาจเป็นหนังหรือวัสดุอื่นตามความเหมาะสมกับประเภทงาน
รองเท้าพื้นเหล็กจึงมีจุดเด่นในการป้องกันอันตรายจากรองเท้าถูกแทงทะลุและช่วยกระจายแรงกระแทกจากด้านล่าง ช่วยลดความเสี่ยงในการทำงานบนพื้นผิวที่อาจมีวัตถุมีคม
รองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ (Antistatic Shoes)
- ผลิตจากวัสดุนำไฟฟ้าสถิตย์ได้ดี เช่น หนังที่ผ่านการเคลือบด้วยสารละลายโลหะ เพื่อปล่อยประจุไฟฟ้าสถิตย์ออกจากรองเท้า
- มีค่าความต้านทานไฟฟ้าอยู่ในช่วงที่เหมาะสม ไม่นำไฟฟ้ามากเกินไปจนเป็นอันตราย แต่ก็ไม่ฉนวนมากเกินจนไม่สามารถปล่อยประจุได้
- พื้นรองเท้ามีส่วนผสมของคาร์บอนหรือไฟเบอร์ที่มีคุณสมบัตินำไฟฟ้า เพื่อนำกระแสไฟฟ้าสถิตย์จากรองเท้าสู่พื้น
- ช่วยป้องกันอันตรายจากการสะสมประจุไฟฟ้าสถิตย์ในร่างกาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดประกายไฟ ระเบิด หรืออันตรายอื่นๆ
- ใช้ในโรงงานผลิตสารเคมี โรงกลั่นน้ำมัน คลังเก็บวัตถุไวไฟ และสถานที่ที่มีสารระเหยไวต่อประจุไฟฟ้าสถิตย์
- บางรุ่นอาจผสมคุณสมบัติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หัวเหล็ก พื้นเหล็ก กันน้ำ เป็นต้น
รองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิตย์จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการสะสมประจุไฟฟ้าสถิตย์ ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากประจุไฟฟ้าสถิตย์ได้เป็นอย่างดี
รองเท้าป้องกันไฟฟ้า (Electrical Hazard Shoes)
- พื้นรองเท้าและส้นรองเท้าทำจากวัสดุฉนวนไฟฟ้า เช่น ยาง หนังสังเคราะห์ พลาสติกพิเศษ เพื่อไม่ให้กระแสไฟฟ้าผ่านมายังร่างกาย
- ต้านทานแรงดันไฟฟ้าได้สูงมาก บางรุ่นสามารถทนต่อแรงดันได้ถึง 600 โวลต์ เพื่อให้ปลอดภัยแม้สัมผัสกับสายไฟที่ชำรุด
- พื้นรองเท้ามักมีลวดลายเพื่อเพิ่มแรงเสียดทาน ป้องกันการลื่นล้มในสภาพที่อาจเปียกหรือมีน้ำมัน
- ใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้ากำลังสูง เช่น การก่อสร้าง งานซ่อมบำรุงสถานีไฟฟ้า โรงงานผลิตพลังงาน
- บางรุ่นอาจมีคุณสมบัติเสริมอื่นๆ เช่น หัวเหล็ก กันน้ำ ทนสารเคมี เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น
- ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุจากไฟฟ้ารั่ว ไฟช็อต หรือสัมผัสกับสายไฟที่ไม่ปลอดภัย
รองเท้าป้องกันไฟฟ้าจึงเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องทำงานอยู่ใกล้กับแหล่งกำเนิดไฟฟ้า เพื่อให้ความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากอันตรายจากไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รองเท้าป้องกันสารเคมี (Chemical Resistant Shoes/Boots)
- วัสดุหลักของรองเท้าเป็นพลาสติกหรือยางสังเคราะห์ชนิดพิเศษ ที่ทนทานต่อสารเคมีหลายชนิด เช่น กรด ด่าง สารตัวทำละลาย น้ำมัน จาระบี
- ส่วนด้านบนของรองเท้าอาจเป็นหนังสังเคราะห์ หรือผ้ายางกันน้ำกันเปื้อน เพื่อไม่ให้ซึมซับสารเคมี
- มีการหุ้มส่วนต่อเชื่อมระหว่างพื้นกับตัวรองเท้าด้วยวัสดุเดียวกัน เพื่อป้องกันรอยรั่ว
- พื้นรองเท้ามีลวดลายเป็นร่องลึกหรือมีร่องย่นเพื่อเพิ่มแรงเสียดทาน ไม่ลื่นแม้อยู่ในสภาพเปียกและมีสารเคมี
- รองรับการใช้งานในโรงงานผลิตสารเคมี สถานที่เก็บสารเคมี ห้องปฏิบัติการ หรืองานทำความสะอาดที่ต้องสัมผัสสารเคมี
- บางรุ่นมีความสามารถอื่นๆ เสริม เช่น ทนต่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำ ป้องกันประจุไฟฟ้าสถิต ป้องกันการลื่นล้ม เป็นต้น
รองเท้ากันสารเคมีจึงเป็นอุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่สำคัญสำหรับการทำงานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีโดยตรง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการซึมซับหรือกัดกร่อนของสารเคมี ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
การเลือกใช้รองเท้านิรภัย (Safety Shoes) ให้เหมาะสมนั้นมีความสำคัญมากเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน การเลือกใช้รองเท้านิรภัยต้องพิจารณาประเภทของงานและสภาพแวดล้อมที่จะทำงาน เพื่อให้ได้รับการป้องกันอย่างเหมาะสมและปลอดภัยสูงสุด