บทความด้านความปลอดภัย

มาตรฐานพิเศษสำหรับรองเท้าเซฟตี้สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร

อุตสาหกรรมอาหารเป็นหนึ่งในภาคการผลิตที่มีมาตรฐานความปลอดภัยเข้มงวดที่สุด เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับสุขภาพของผู้บริโภค รองเท้าเซฟตี้จึงเป็นอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่มีความสำคัญและต้องผ่านมาตรฐานพิเศษหลายอย่าง

มาตรฐานพื้นฐานที่จำเป็น

ในอุตสาหกรรมอาหาร รองเท้าเซฟตี้ต้องผ่านมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) และ HACCP (Hazard Analysis Critical Control Point) ซึ่งเป็นระบบประกันคุณภาพที่ทั่วโลกยอมรับ นอกจากนี้ยังต้องได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำหรับการใช้งานในโรงงานอาหารโดยเฉพาะ

คุณสมบัติพิเศษสำหรับรองเท้าเซฟตี้อุตสาหกรรมอาหาร

  1. วัสดุและการออกแบบกันน้ำ รองเท้าต้องผลิตจากวัสดุกันน้ำ 100% เช่น ยางพิเศษหรือพอลิเมอร์คุณภาพสูง เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและความชื้น การออกแบบต้องไม่มีรอยต่อหรือตะเข็บที่อาจกักเก็บเศษอาหารหรือสิ่งสกปรก พื้นรองเท้าต้องเรียบและทำความสะอาดง่าย
  2. คุณสมบัติต้านการลื่น พื้นครัวและโรงงานอาหารมักมีน้ำและน้ำมันหกเลอะเทอะ รองเท้าจึงต้องมีดอกยางพิเศษที่ให้การยึดเกาะดีเยี่ยมในสภาพพื้นเปียกและมัน โดยต้องผ่านการทดสอบค่าสัมประสิทธิ์ความต้านทานการลื่นไถล (Slip Resistance) ตามมาตรฐาน EN ISO 13287
  3. การป้องกันสารเคมี วัสดุต้องทนต่อสารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ เช่น คลอรีน โซเดียมไฮโปคลอไรต์ และสารทำความสะอาดอื่นๆ โดยไม่เสื่อมสภาพหรือปล่อยสารพิษ
  4. การระบายอากาศ แม้จะต้องกันน้ำ แต่รองเท้าควรมีระบบระบายอากาศที่ดีเพื่อป้องกันเหงื่อสะสม ซึ่งอาจนำไปสู่การเจริญเติบโตของเชื้อรา การออกแบบต้องสมดุลระหว่างการป้องกันน้ำและการระบายอากาศ

การทำความสะอาดและการบำรุงรักษา

รองเท้าเซฟตี้ในอุตสาหกรรมอาหารต้องได้รับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ โรงงานควรมีขั้นตอนการทำความสะอาดที่ชัดเจน:

  • ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐานทุกวันหลังเลิกงาน
  • ตรวจสอบรอยขีดข่วนหรือความเสียหายที่อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค
  • ผึ่งให้แห้งสนิทในที่ระบายอากาศดีก่อนนำมาใช้ครั้งต่อไป
  • เปลี่ยนรองเท้าใหม่ทันทีเมื่อพบความเสียหายที่อาจกระทบต่อความปลอดภัย

ข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับพื้นที่เฉพาะ

ในโรงงานอาหารมักมีพื้นที่แตกต่างกัน แต่ละส่วนอาจต้องการรองเท้าที่มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม:

ห้องเย็น: รองเท้าต้องทนความเย็นจัด มีฉนวนกันความเย็นที่ดี และพื้นรองเท้าต้องยังคงความยืดหยุ่นแม้ในอุณหภูมิต่ำ

ห้องผลิต: ต้องมีการป้องกันการกระแทกจากของหนักตก และทนต่อแรงกดทับจากการยืนทำงานเป็นเวลานาน

ห้องบรรจุภัณฑ์: ต้องป้องกันไฟฟ้าสถิตที่อาจเกิดจากการเคลื่อนไหวและวัสดุบรรจุภัณฑ์

การฝึกอบรมพนักงาน

นอกจากการจัดหารองเท้าที่ได้มาตรฐาน โรงงานควรจัดการฝึกอบรมให้พนักงานเข้าใจถึงความสำคัญต่างๆทั้งความปลอดภัยและคุณภาพความสะอาดของผลิตภัณฑ์

  • ความสำคัญของการใช้รองเท้าเซฟตี้ที่ถูกต้อง
  • วิธีการตรวจสอบสภาพรองเท้าก่อนใช้งาน
  • ขั้นตอนการทำความสะอาดและบำรุงรักษาที่ถูกต้อง
  • การจดบันทึกการใช้งานและการเปลี่ยนรองเท้าตามกำหนด


การลงทุนเพื่อความปลอดภัยแม้รองเท้าเซฟตี้ที่ได้มาตรฐานสูงอาจมีราคาแพง แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะมีประโยชน์ต่างๆดังนี้

  • การปนเปื้อนในกระบวนการผลิตอาหาร
  • อุบัติเหตุจากการลื่นล้มของพนักงาน
  • ปัญหาสุขภาพเท้าในระยะยาว
  • การสูญเสียการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร

การเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะสมและการดูแลรักษาอย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการรักษามาตรฐานความปลอดภัยอาหารและความน่าเชื่อถือของโรงงานอีกด้วย การลงทุนในอุปกรณ์ป้องกันที่มีคุณภาพจึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม