ตลับไส้กรอง (Filter Cartridges) เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำหน้าที่กรองอากาศ ฝุ่นละออง และสารปนเปื้อนต่างๆ ออกจากอากาศที่เราหายใจเข้าไป ตลับไส้กรองเหล่านี้จะประกอบเข้ากับหน้ากากป้องกันสารเคมี หรือที่เรียกว่า Respirator ซึ่งเป็นอุปกรณ์ป้องกันทางเดินหายใจจากสารเคมี ละอองสารพิษ ฝุ่นละออง และอนุภาคขนาดเล็กต่างๆ โดยตลับไส้กรองจะมีวัสดุกรองพิเศษ เช่น คาร์บอนกัมมันต์ สารจับประจุไฟฟ้า หรือวัสดุพรุนขนาดเล็กพิเศษที่สามารถดักจับและกรองอนุภาคขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อากาศที่ผ่านการกรองสะอาดและปลอดภัยต่อการหายใจ ตลับไส้กรองเหล่านี้จะต้องเปลี่ยนใหม่อย่างสม่ำเสมอ เมื่อใช้งานจนประสิทธิภาพการกรองลดลง
คุณสมบัติของตลับไส้กรองสารเคมี
1. ชนิดกรองอนุภาค สำหรับกรองฝุ่นละออง เส้นใย สารแขวนลอยขนาดเล็ก เช่น ผงซีเมนต์ ควันเชื้อเพลิง เป็นต้น
2. ชนิดกรองสารระเหย สำหรับกรองไอระเหยของสารเคมีอินทรีย์ เช่น สารทำละลาย สีพ่น ให้กลายเป็นของแข็งถูกยึดไว้ในตัวกรอง
3. ชนิดกรองก๊าซอนินทรีย์ สำหรับดูดซับก๊าซพิษต่างๆ เช่น คลอรีน ก๊าซรั่ว ก๊าซพิษในโรงงาน
4. ชนิดกรองผสม สามารถกรองได้ทั้งอนุภาค สารระเหย และก๊าซพิษ
5. วัสดุกรองหลัก ได้แก่ ถ่านกัมมันต์ สารประกอบโลหะ สารเคมีจำเพาะ ขึ้นอยู่กับประเภทของสิ่งที่ต้องการกรอง
6. บางตลับใช้ครั้งเดียวทิ้ง บางตลับเปลี่ยนเติมใหม่ได้ มีอายุการใช้งานแตกต่างกันตามประเภท
7. มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กสำหรับติดหน้ากากครึ่งหน้า ไปจนถึงขนาดใหญ่สำหรับระบบปรับอากาศ
การเลือกใช้ตลับไส้กรองที่เหมาะสมกับประเภทของสารเคมีหรือสิ่งปนเปื้อนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้หน้ากากป้องกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด
การเลือกใช้ตลับไส้กรอง
การเลือกใช้ตลับไส้กรองสำหรับหน้ากากป้องกันสารเคมีและฝุ่นละอองให้เหมาะสมนั้นมีปัจจัยที่ควรพิจารณา ดังนี้
1. ประเภทของสิ่งปนเปื้อนในอากาศ
– ฝุ่นละออง ควรใช้ตลับกรองอนุภาค
– สารระเหยและไอระเหยสารเคมีอินทรีย์ ควรใช้ตลับกรองสารระเหย
– ก๊าซพิษต่างๆ เช่น คลอรีน โอโซน ควรใช้ตลับกรองก๊าซอนินทรีย์
– หากมีหลายประเภทปนกัน ต้องใช้ตลับกรองผสม
2. ความเข้มข้นของสารปนเปื้อน
– ถ้าความเข้มข้นต่ำ อาจใช้ตลับกรองประสิทธิภาพต่ำได้
– ถ้าความเข้มข้นสูง ต้องใช้ตลับกรองที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
3. ลักษณะงานและสภาพแวดล้อม
– งานหนักต้องใช้ตลับกรองที่มีอัตราการไหลเวียนอากาศสูง
– พื้นที่จำกัดหรืออับอากาศต้องใช้ตลับกรองที่มีประสิทธิภาพสูง
– งานเปียกต้องใช้ตลับกรองที่กันน้ำ
4. ระยะเวลาการใช้งาน
– งานระยะสั้นอาจใช้ตลับกรองใช้ครั้งเดียวทิ้ง
– งานระยะยาวต้องใช้ตลับกรองที่เปลี่ยนเติมใหม่ได้
5. ข้อกำหนด/มาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน
– เลือกใช้ตามคำแนะนำของผู้ผลิตหรือมาตรฐานอ้างอิง
การเลือกใช้ตลับไส้กรองอย่างถูกต้องจะช่วยให้การป้องกันมีประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน และคุ้มค่ากับการลงทุน
การเช็คว่าควรเปลี่ยนตลับไส้กรองหน้ากากป้องกันสารเคมีและฝุ่นละอองหรือไม่นั้น มีวิธีการดังนี้
1. ตรวจสอบอายุการใช้งานตามคำแนะนำของผู้ผลิต
– แต่ละตลับกรองมีอายุการใช้งานแตกต่างกันไป ทั้งขึ้นอยู่กับสารปนเปื้อนและความเข้มข้น
– หากใช้งานเกินระยะเวลาที่กำหนด ควรเปลี่ยนตลับใหม่ทันที
2. สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสภาพตลับกรอง
– ตลับกรองอนุภาค จะเริ่มอุดตันทำให้หายใจลำบากขึ้น
– ตลับกรองสารระเหย จะเริ่มมีกลิ่นรั่วซึมผ่านเข้ามา
– ตลับกรองก๊าซ เมื่อถึงจุดอิ่มตัวจะเปลี่ยนเป็นสีอื่น
3. ทดสอบการรั่วซึมด้วยสารเคมีทดสอบ
– หยดสารเคมีทดสอบจำเพาะลงบนตลับกรอง เช่น สารละลายอะมีนสำหรับทดสอบตลับกรองก๊าซอนินทรีย์
– หากไม่ได้กลิ่น แสดงว่าตลับกรองยังสามารถใช้งานได้
– แต่ถ้าได้กลิ่น แสดงว่าตลับกรองหมดประสิทธิภาพแล้ว
4. การทำงานผิดปกติของหน้ากาก
– การหายใจถ่ายเทลำบาก แน่นท้อง เป็นสัญญาณแรกของตลับกรองอุดตัน
– ได้กลิ่นสารเคมีผ่านเข้ามา แสดงว่าตลับกรองไม่ได้ประสิทธิภาพ
สรุป
การเลือกใช้ตลับกรองที่เหมาะสมกับประเภทของสารปนเปื้อนและความเข้มข้นเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ต้องเปลี่ยนตลับกรองใหม่อย่างสม่ำเสมอเมื่อใช้งานจนหมดประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ปฏิบัติงานการเปลี่ยนตลับกรองตามระยะเวลาที่กำหนดหรือเมื่อมีสัญญาณเสื่อมประสิทธิภาพ จะช่วยรักษาความปลอดภัยของสุขภาพผู้ใช้ในการทำงานและยืดอายุการใช้งานของหน้ากาก