บทความด้านความปลอดภัย

คุณสมบัติของไฟฉายเซฟตี้หรือไฟฉายกันระเบิด

ไฟฉายเซฟตี้ (Safety Flashlight) เป็นไฟฉายที่ออกแบบมาให้ใช้งานในสภาวะหรือสภาพแวดล้อมที่อาจมีอันตราย จึงต้องมีความทนทานและแข็งแรงกว่าไฟฉายทั่วไป รวมถึงความปลอดภัยที่มากกว่า

คุณสมบัติที่สำคัญของไฟฉายเซฟตี้

  1. โครงสร้างแข็งแรงทนทาน

– ทำจากวัสดุพิเศษเกรดอุตสาหกรรม เช่น อลูมิเนียม เหล็กกล้าไร้สนิม พลาสติกเอนจิเนียริง สามารถทนแรงกระแทก การตก การกระทบกระเทือนได้ดี

  1. กันน้ำและกันฝุ่นได้ดี

– มีระดับกันน้ำมาตรฐาน IP65 ขึ้นไป สามารถจุ่มน้ำลึกได้ชั่วคราว

– ตัวเรือนปิดสนิท ป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าไปได้

  1. ใช้งานในสภาวะอุณหภูมิสูงหรือต่ำได้

– วัสดุทนความร้อนหรือความเย็นจัด เหมาะสำหรับงานในพื้นที่อุณหภูมิรุนแรง

 

  1. แสงสว่างแรงและทรงพลังพิเศษ

– มีก้านแอลอีดีความเข้มสูง ส่องสว่างไกลถึงหลายร้อยเมตรได้

– ตัวเรือนทำจากอลูมิเนียมเป็นตัวระบายความร้อน

– บางรุ่นมีโหมดแสงวับวาบเตือนภัย

 

  1. ใช้งานต่อเนื่องได้นาน

– ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ หรือสามารถเปลี่ยนถ่านได้

– บางรุ่นสามารถต่อพ่วงกับแหล่งจ่ายไฟภายนอก

 

  1. มีด้ามจับพิเศษสำหรับการใช้งาน

– มีปุ่มกดใช้งานขนาดใหญ่ รองรับการใส่ถุงมือได้

– มีสายรัดข้อมือป้องกันการร่วงหล่น

 

ไฟฉายเซฟตี้จึงเหมาะสำหรับการทำงานในสภาพแวดล้อมเสี่ยงอันตรายต่างๆ ช่วยให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและปลอดภัยในการปฏิบัติงาน

 

ค่าความสว่าง เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้ไฟฉายเซฟตี้ โดยทั่วไปค่าความสว่างของไฟฉายจะแสดงในหน่วย ลูเมน (Lumen) ซึ่งบอกถึงปริมาณการแผ่รังสีของแสงที่ออกมาจากหลอดไฟ

 

ค่าความสว่าง (Lumen) ที่นิยมใช้งาน

มีดังนี้

  1. 100-200 ลูเมน เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปไม่หนักมาก เช่น ตรวจสอบบริเวณแคบๆ ส่องสว่างระยะใกล้
  2. 300-500 ลูเมน เหมาะสำหรับใช้งานนอกอาคาร ส่องสว่างระยะปานกลาง เช่น ตรวจสอบเครื่องจักร พื้นที่ก่อสร้าง
  3. 600-1,000 ลูเมน เป็นระดับความสว่างที่เหมาะสำหรับงานหนัก เช่น งานค้นหาและกู้ภัย ตรวจสอบในบริเวณกว้าง
  4. 1,000 ลูเมนขึ้นไป ถือเป็นระดับความสว่างสูงมาก สำหรับใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เหตุการณ์รุนแรง หรือส่องสว่างไกลมาก

 

นอกจากค่าความสว่างแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ประเภทของดวงไฟ LED ถ่าน/แบตเตอรี่ที่ใช้ โหมดการส่องสว่าง น้ำหนัก ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของไฟฉายเซฟตี้ด้วย ควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะงานและงบประมาณ

 

ในการจำแนกประเภทไฟฉายเซฟตี้กันระเบิด มีการแบ่งออกเป็น Class (คลาส) และ Division (ดิวิชั่น) ดังนี้

 

Class

– Class I – สำหรับใช้ในพื้นที่มีก๊าซหรือไอระเหยของของเหลวติดไฟได้

– Class II – สำหรับใช้ในพื้นที่มีฝุ่นละออง เศษวัสดุติดไฟได้

– Class III – สำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากทั้งก๊าซ/ไอระเหย และฝุ่นละออง

 

Division

– Division 1 – สำหรับใช้ในบริเวณที่มีสภาพแวดล้อมอันตรายอยู่ตลอดเวลาหรือเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

– Division 2 – สำหรับใช้ในบริเวณที่มีโอกาสเกิดสภาพแวดล้อมอันตรายในบางโอกาส แต่ไม่บ่อยนัก

 

ยกตัวอย่างเช่น

– Class I Division 1 – ไฟฉายสำหรับใช้ในพื้นที่มีก๊าซหรือไอระเหยอยู่ตลอดเวลา เช่น โรงกลั่นน้ำมัน

– Class II Division 2 – ไฟฉายสำหรับใช้ในโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก ที่อาจมีฝุ่นละอองติดไฟได้บางครั้ง

 

การแบ่งประเภทนี้ช่วยให้เลือกใช้ไฟฉายได้ตรงตามระดับความเสี่ยงในการทำงาน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยต้องผ่านการรับรองมาตรฐานตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล