หมวกนิรภัย
หมวกนิรภัยหรือหมวกเซฟตี้ เป็นอุปกรณื PPE ช่วยป้องกันศีรษะของผู้ปฏิบัติงาน ผู้ปฏิบัติงานจึงควรสวมใส่หมวกนิรภัยตลอดเวลาการทำงาน
อาร์กแฟลช (Arc Flash) คือปรากฏการณ์ลัดวงจรที่เกิดในอากาศ ทำให้เกิดความร้อน แสงจ้า และแรงระเบิดรุนแรง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตต่อผู้ปฏิบัติงาน เอกสารนี้อธิบายขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงและการป้องกันตามมาตรฐาน IEEE 1584 และ NFPA 70E Cal (ย่อมาจาก calories) คือหน่วยพลังงานความร้อน แต่ในงานด้านความปลอดภัยจากอาร์กแฟลช เราจะใช้หน่วยว่า cal/cm² (แคลอรี่ต่อตารางเซนติเมตร)
เพื่อวัดว่า พลังงานความร้อนจากอาร์กแฟลชจะกระทบต่อร่างกายคนที่ไม่มีการป้องกันได้มากแค่ไหน
แนวทางนี้เป็นขั้นตอนที่ใช้โดยวิศวกรไฟฟ้าในการวิเคราะห์อันตรายจากอาร์กแฟลช เพื่อตรวจสอบค่าพลังงาน ความเสี่ยง และจัดเตรียมมาตรการป้องกันที่เหมาะสมก่อนลงมือทำงานใกล้ระบบไฟฟ้า
เลือกเฉพาะจุดที่บุคลากรต้องทำงานใกล้กับระบบไฟฟ้าที่อาจเกิดอาร์กแฟลชได้ เช่น ตู้ไฟ, สวิตช์เกียร์
รวมข้อมูลแรงดัน, ขนาดหม้อแปลง, ค่าความต้านทาน, ระยะห่างอิเล็กโทรด ฯลฯ เพื่อใช้ในการคำนวณ
ช่วยแสดงภาพรวมของระบบและจุดเชื่อมต่อไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นฐานในการวิเคราะห์
วิเคราะห์ค่ากระแสลัดวงจรที่เกิดขึ้นได้สูงสุดในแต่ละจุดตามสภาพการใช้งานจริง
ใช้สูตรจาก IEEE 1584 หรือ NFPA 70E เพื่อประมาณค่ากระแสอาร์กจากกระแสลัดวงจร
ประเมินว่ารีเลย์ ฟิวส์ หรือเบรกเกอร์จะตัดวงจรในเวลานานเท่าใดจากค่ากระแสอาร์ก
เป็นค่าพลังงานความร้อนที่บุคคลใกล้อาร์กจะได้รับ วัดใน cal/cm² ที่ระยะทำงานมาตรฐาน
ค่า Incident Energy (พลังงานที่ได้รับ) เป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้กำหนดระดับความเสี่ยงและ PPE ที่ต้องใส่ โดยมีหน่วยเป็น cal/cm² ซึ่งแสดงถึงพลังงานที่กระทบต่อพื้นที่หนึ่งตารางเซนติเมตร
E=4.184×Cf×En×(tDx)E = 4.184 \times Cf \times En \times \left( \frac{t}{D^x} \right)
โดย:
E = พลังงานที่ได้รับ (cal/cm²)
4.184 = ค่าคงที่ในการแปลงจาก J เป็น cal
Cf = ค่าคงที่ (1.0 สำหรับแรงดัน > 1kV, 1.5 สำหรับแรงดัน < 1kV)
En = พลังงานที่ Normalize แล้ว (J/cm²) ตามสูตร:
En=10(K1+K2+0.0016×G)En = 10^{(K1 + K2 + 0.0016 \times G)}
t = เวลาในการเกิดอาร์ก (หน่วยวินาที)
D = ระยะห่างจากจุดเกิดอาร์ก (หน่วยมิลลิเมตร)
x = ค่า exponent ตามประเภทตู้ เช่น Switchgear, MCC ฯลฯ
ให้ระบบแรงดันต่ำ ( < 1kV ), อยู่ในตู้แบบปิด (Box), ระยะห่าง = 455 mm
Arc Time = 0.2 วินาที, Gap = 25 mm, En = 10 J/cm²
ใช้ค่า x = 1.641 จากตาราง MCC & Panels
ขั้นตอน:
Cf = 1.5 (เพราะแรงดัน < 1kV)
แทนค่าสูตร:
E=4.184×1.5×10×(0.24551.641)E = 4.184 \times 1.5 \times 10 \times \left( \frac{0.2}{455^{1.641}} \right)
คำนวณ:
E≈62.76÷91500≈0.686cal/cm2E ≈ 62.76 \div 91500 ≈ 0.686 cal/cm²
พลังงานต่ำกว่า 1.2 cal/cm² → ไม่ถึงระดับที่ก่อให้เกิดบาดเจ็บระดับ 2
ค่าที่คำนวณได้นี้ใช้ในการกำหนด PPE เช่น หมวกกันไฟ, ถุงมือแรงดันสูง ฯลฯ
ค่ามาตรฐานสำหรับอาการไหม้ระดับ 2 คือ 1.2 cal/cm²
หากค่า E เกิน 8 cal/cm² ขึ้นไป ควรใช้ชุด PPE ระดับสูง เช่น Arc Suit
แบ่งระดับความรุนแรงออกเป็น 5 ระดับ (0–4) ตามปริมาณพลังงานที่ได้รับ
ระยะห่างที่ต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากความร้อนของอาร์ก
ต้องมีฉลากบนอุปกรณ์ที่แจ้งค่าพลังงาน ระยะปลอดภัย และ PPE ที่ต้องใช้ เพื่อเตือนผู้ปฏิบัติงาน
มาตรฐาน NFPA 70E กำหนดระยะการเข้าใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีศักยภาพเกิดอาร์ก เพื่อจำกัดบุคคลที่เข้าใกล้ และกำหนดรูปแบบการป้องกันที่เหมาะสมตามระดับอันตราย
ระยะที่ผู้ไม่สวม PPE จะได้รับบาดเจ็บระดับผิวหนังไหม้ระดับ 2 หากเกิดอาร์กแฟลช
อนุญาตให้เฉพาะบุคลากรที่มีความรู้หรือควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญเข้าใกล้ได้
ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าแรงสูงและผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทาง
ถือว่าเสี่ยงเท่าการสัมผัสไฟฟ้าโดยตรง ต้องมีมาตรการป้องกันสูงสุดทั้งอุปกรณ์และขั้นตอน
การวิเคราะห์อาร์กแฟลชต้องใช้สูตรทางไฟฟ้าเฉพาะ ซึ่งช่วยในการคำนวณค่ากระแสอาร์ก พลังงานที่ปล่อยออกมา และระยะปลอดภัย โดยอิงจากข้อมูลของอุปกรณ์จริงในระบบ
ใช้ค่ากระแสลัดวงจรร่วมกับระยะช่องว่าง เพื่อคำนวณกระแสที่เกิดขึ้นระหว่างอาร์ก
ค่าพลังงานความร้อนที่บุคคลจะได้รับที่ระยะ 610 มม. และเวลา 0.2 วินาที
คำนวณพลังงานที่ได้รับโดยใช้เวลาและระยะห่างจริงในการทำงาน เช่น 18 นิ้ว
ระยะที่พลังงานตกลงเหลือเท่ากับ 1.2 cal/cm² ซึ่งถือเป็นจุดที่เสี่ยงต่อแผลไหม้ระดับ 2
No account yet?
Create an Account