หมวกนิรภัย
หมวกนิรภัยหรือหมวกเซฟตี้ เป็นอุปกรณื PPE ช่วยป้องกันศีรษะของผู้ปฏิบัติงาน ผู้ปฏิบัติงานจึงควรสวมใส่หมวกนิรภัยตลอดเวลาการทำงาน
สำหรับงานบนที่สูง ความปลอดภัยคือสิ่งที่ต้องมาก่อนเสมอ หนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในการทำงานโรยตัวก็คือ “เชือกโรยตัว” ซึ่งเป็นตัวกลางที่รับน้ำหนักของผู้ปฏิบัติงานโดยตรง หากเชือกเกิดความเสียหายหรือเสื่อมสภาพโดยที่ยังใช้งานต่อไป อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตได้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบเชือกอย่างสม่ำเสมอ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 5 สัญญาณเตือนสำคัญ ที่บ่งบอกว่าเชือกโรยตัวของคุณไม่ปลอดภัยอีกต่อไป และถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนเชือกใหม่แล้ว
ร่องรอยเหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งชี้อันดับต้น ๆ ว่าเชือกกำลังเสื่อมสภาพ รอยขาดอาจเริ่มจากเส้นใยภายนอก (Sheath) และลุกลามไปถึงแกนกลาง (Core) ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักในการรับน้ำหนัก
หากเชือกมีลักษณะ “ปุยฟู” หรือเส้นใยหลุดออกจากกัน อาจเกิดจากการเสียดสีกับวัสดุหยาบ หรือการใช้งานในพื้นที่ที่มีขอบแหลม
เชือกที่เปื่อยยุ่ย อาจเป็นผลมาจากการสัมผัสสารเคมี น้ำมัน หรือแสงแดดเป็นเวลานาน
แนวทาง: หากพบจุดเสียหายเล็กน้อย ควรใช้เชือกเฉพาะในงานเบา ๆ หรือฝึกซ้อมเท่านั้น แต่ถ้าเสียหายมากเกิน 10% ของความยาวเชือก หรือแกนกลางมีปัญหา ให้ยุติการใช้งานทันที
เมื่อสัมผัสเชือกแล้วพบว่ามีลักษณะผิดปกติ เช่น มีจุดแข็งกว่าปกติหรือเป็นก้อน ๆ (lumps), จุดยุบตัว หรือรู้สึกไม่เรียบต่อเนื่องตลอดเส้น นั่นอาจหมายถึงแกนกลางของเชือก (Core) ได้รับความเสียหายหรือเกิดการหดตัวของวัสดุภายใน
จุดแข็งอาจเกิดจากความร้อนสะสมเมื่อเบรกตกอย่างรุนแรง หรือม้วนเชือกผิดวิธี
การหดตัวของเชือกอาจเกิดขึ้นเมื่อโดนความร้อนสูงหรือหลังจากใช้งานมาเป็นเวลานาน
แนวทาง: เชือกที่มีการเสียรูปของโครงสร้างภายใน ไม่ควรนำกลับมาใช้งานเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ถึงแม้สายตาจะมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง แต่การที่เชือกโรยตัวสัมผัสกับสารเคมี เช่น กรด, ด่าง, น้ำมัน หรือสารทำละลาย อาจส่งผลให้เส้นใยอ่อนแอและเปราะบางลงอย่างมาก
สารเคมีบางชนิดจะไม่แสดงผลในทันที แต่จะสะสมความเสียหายภายในโครงสร้างเชือก
แม้แค่การตกลงไปในน้ำมันเครื่อง หรือโดนน้ำกรดเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะทำให้เชือกหมดสภาพ
แนวทาง: หากไม่แน่ใจว่าเชือกสัมผัสกับสารอันตรายหรือไม่ แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ทันที เพราะความเสี่ยงที่ตามมาอาจไม่คุ้มค่า
แม้ว่าเชือกจะไม่มีรอยขาดหรือดูเหมือนใช้งานได้ แต่หากมีอายุการใช้งานนานเกิน 5–10 ปี (แล้วแต่ยี่ห้อและการดูแลรักษา) ก็ควรพิจารณาเลิกใช้งาน
เชือกที่เก็บไว้นานโดยไม่ได้ใช้งาน อาจเสื่อมสภาพจากอุณหภูมิหรือความชื้น
บางรุ่นจะมี “รหัสผลิต” หรือ “ล็อตวันที่” ระบุไว้ในป้ายหรือแถบภายในเชือก ให้ตรวจสอบจากตรงนั้น
แนวทาง: ควรบันทึกวันที่เริ่มใช้งานเชือกแต่ละเส้นไว้ และกำหนดรอบตรวจสอบตามคำแนะนำจากผู้ผลิต
เมื่อเชือกได้รับแรงกระชากหรือแรงตกอย่างรุนแรง (fall factor สูง) แม้ว่าเชือกจะไม่ขาดในทันที แต่อาจทำให้โครงสร้างภายในเสียหายเกินกว่าที่จะรับน้ำหนักได้ในอนาคต
การตกจากความสูงโดยใช้เชือกโรยตัวแม้เพียงครั้งเดียว อาจส่งผลต่อความแข็งแรงของเชือก
บางครั้งเชือกที่ผ่านการตกแรง ๆ จะดูเหมือนยังดีอยู่ภายนอก แต่เมื่อทดสอบแรงดึงจะพบว่าค่าความปลอดภัยลดลงอย่างมาก
แนวทาง: หากเชือกเคยใช้รองรับการตกหนักมาก่อน ไม่ควรนำกลับมาใช้สำหรับงานโรยตัวในพื้นที่จริง ควรจำกัดการใช้งานเฉพาะในงานฝึกเท่านั้น หรือเปลี่ยนเชือกใหม่เลยจะปลอดภัยกว่า
การตรวจเชือกโรยตัวก่อนใช้งานทุกครั้งเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการมองเห็นความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจช่วยป้องกันอุบัติเหตุใหญ่ได้ เชือกที่ดูเหมือนยังใช้ได้ อาจแฝงความเสียหายที่อันตรายถึงชีวิต
อย่าลืมว่า ชีวิตของผู้ปฏิบัติงานแขวนอยู่กับเชือกเส้นเดียว การลงทุนกับอุปกรณ์คุณภาพดีและการเปลี่ยนเชือกตามเวลาที่เหมาะสม ย่อมคุ้มค่ากว่าการต้องรับความเสี่ยงที่ประเมินค่าไม่ได้
No account yet?
Create an Account