บทความด้านความปลอดภัย

แคดเมียมคืออะไร อันตรายแค่ไหน?

จากข่าวการค้นพบกากแคดเมียมกว่า 1.5 หมื่นตันที่จังหวัดสมุทรสาครทำให้เกิดคำถามว่ากากแร่แคดเมียมนี้มีอันตรายแค่ไหนเอาไปทำอะไรได้ เราจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับแคดเมียมมานำเสนอแคดเมียม (Cadmium) คือธาตุหนึ่งในตารางธาตุ อยู่ในกลุ่มธาตุองค์ประกอบ (transition metals) มีสัญลักษณ์ทางเคมีว่า “Cd” และมีเลขอะตอม 48 ธาตุแคดเมียมนั้นมีสีขาวเงินคล้ายกับธาตุสังกะสี มีความแข็งปานกลางและมีความเหนียว สามารถตีบางได้ ทั้งนี้แคดเมียมเป็นองค์ประกอบของสินค้าอุตสาหกรรมมากมาย เช่น แบตเตอรี่, ฟิวส์ไฟฟ้า, สีเคลือบ, ผลิตภัณฑ์พลาสติกและยาง ฯลฯ

ถึงแม้ว่าแคดเมียมจะเป็นองค์ประกอบของสินค้าที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน แต่สารนี้มีความเป็นพิษสูงและเป็นอันตรายอย่างมากต่อสุขภาพ การได้รับสัมผัสในปริมาณที่มากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อร่างกายได้

อันตรายจากแคดเมียมและผลกระทบต่อสุขภาพ

แคดเมียมเป็นสารพิษที่สะสมในร่างกายได้ยาก ซึ่งหมายความว่าเมื่อร่างกายได้รับแคดเมียมเข้าไป ร่างกายจะไม่สามารถขับถ่ายหรือเผาผลาญสารนี้ออกไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว ส่งผลให้แคดเมียมสะสมในอวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ไต กระดูก ฯลฯ การสะสมของแคดเมียมในระยะยาวจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพอย่างรุนแรง

ผลกระทบทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการสัมผัสหรือได้รับแคดเมียม ได้แก่

  1. โรคไตวาย: แคดเมียมจะทำลายเนื้อเยื่อของไตและทำให้ไตทำงานผิดปกติ ในระยะแรกอาการอาจไม่ชัดเจน แต่ในระยะยาวจะส่งผลให้เกิดโรคไตวาย
  2. โรคกระดูกพรุน: แคดเมียมสามารถรบกวนการเผาผลาญแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย ส่งผลให้กระดูกแข็งแรงลดลงและเกิดภาวะกระดูกพรุน
  3. ผลเสียต่อระบบสืบพันธุ์: ในสัตว์ทดลองพบว่าแคดเมียมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์สืบพันธุ์และทำให้เกิดความผิดปกติในการสืบพันธุ์
  4. มะเร็ง: มีหลักฐานว่าแคดเมียมสามารถเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งตับ
  5. โรคอื่นๆ: นอกจากนี้การสัมผัสแคดเมียมยังอาจส่งผลต่ออาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปวดศรีษะ และถ่ายเป็นเลือด

แคดเมียมเป็นสารพิษที่สะสมในร่างกายได้ยาก ซึ่งหมายความว่าเมื่อร่างกายได้รับแคดเมียมเข้าไป ร่างกายจะไม่สามารถขับถ่ายหรือเผาผลาญสารนี้ออกไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว ส่งผลให้แคดเมียมสะสมในอวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ไต กระดูก ฯลฯ การสะสมของแคดเมียมในระยะยาวจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพอย่างรุนแรง

แหล่งที่มาของแคดเมียมและการได้รับสัมผัส

แคดเมียมในธรรมชาติมักพบปะปนอยู่กับแร่ธาตุอื่นๆ เช่น สังกะสี ตะกั่ว และทองแดง การทำเหมืองแร่และกระบวนการทางอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดการหลุดรอดของแคดเมียมสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจปนเปื้อนเข้าสู่อาหาร น้ำดื่ม และอากาศ จากนั้นส่งผลให้มนุษย์ได้รับสัมผัสแคดเมียมผ่านทางเดินอาหาร การหายใจ และการสัมผัสโดยตรง

นอกจากนี้ ยังมีการใช้แคดเมียมในอุตสาหกรรมต่างๆ อีกมาก เช่น การผลิตแบตเตอรี่ กล้องถ่ายรูป ฟิวส์ไฟฟ้า สีเคลือบ และผลิตภัณฑ์พลาสติก ซึ่งอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของแคดเมียมในสถานที่ทำงานและอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนงานได้

การป้องกันและการจัดการแคดเมียม

เนื่องจากแคดเมียมเป็นสารที่มีความเป็นพิษสูงและสะสมในร่างกายได้ยาก การป้องกันและการจัดการจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในระดับบุคคล ชุมชน และนโยบายระดับประเทศ

ในระดับบุคคล ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่อาจปนเปื้อนแคดเมียม เช่น พืชผักที่ปลูกใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และหากพบว่ามีการสะสมของแคดเมียมในร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

ในระดับชุมชน ควรมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำ อากาศ และดินในชุมชน เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของแคดเมียม รวมถึงควรมีการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับอันตรายของแคดเมียมและแนวทางการป้องกัน

ในระดับนโยบายระดับประเทศ ควรมีการออกกฎหมายและมาตรฐานควบคุมการปล่อยแคดเมียมจากโรงงานอุตสาหกรรม การกำจัดของเสียที่ปนเปื้อนแคดเมียม และการกำหนดค่ามาตรฐานปริมาณแคดเมียมในสินค้าต่างๆ เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน

สรุป

แคดเมียมเป็นสารพิษที่อันตรายและส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ แม้จะเป็นองค์ประกอบในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่การได้รับสัมผัสในปริมาณที่มากเกินไปจะก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรง การป้องกันและการจัดการจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งทั้งในระดับบุคคล ชุมชน และนโยบายระดับชาติ เพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม