หมวกนิรภัย
หมวกนิรภัยหรือหมวกเซฟตี้ เป็นอุปกรณื PPE ช่วยป้องกันศีรษะของผู้ปฏิบัติงาน ผู้ปฏิบัติงานจึงควรสวมใส่หมวกนิรภัยตลอดเวลาการทำงาน
หมวกนิรภัยหรือหมวกเซฟตี้ เป็นอุปกรณื PPE ช่วยป้องกันศีรษะของผู้ปฏิบัติงาน ผู้ปฏิบัติงานจึงควรสวมใส่หมวกนิรภัยตลอดเวลาการทำงาน
แว่นตาเซฟตี้หรือแว่นตานิรภัยเป็นอุปกรณ์ PPE ช่วยป้องกันดวงตาของผู้ปฏิบัติงาน แว่นตาเซฟตี้แบ่งเป็น 2 ประเภทตามลักษณะงาน คือ ป้องกันวัสดุของแข็งกระเด็นเข้าสู่ดวงตา ตัวแว่นจะมีแผ่นกระบังด้านข้าง และงานป้องกันสารเคมี มีลักษณะเป็นครอบตา เพื่อป้องกันของเหลว
ปลั๊กอุดหู (Ear Plug) และ ที่ครอบหู (Earmuff) คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับลดเสียงรบกวน (NRR) เพื่อป้องกันหูจากเสียงที่ดังเกินไป จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องปฏิบัติงานในบริเวณที่มีเสียงดังเกินปกติเป็นเวลานานๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้เครื่องจักร งานก่อสร้าง
หน้ากากเป็นอุปกรณ์ PPE ช่วยป้องกันระบบหายใจ งานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี,สารระเหย และฝุ่น จำเป็นต้องสวมหน้ากากป้องกันสารเคมีในการทำงาน และต้องหมั่นตรวจสอบสภาพไส้กรอง เมื่อมีกลิ่นเข้า ต้องรีบเปลี่ยนไส้กรองใหม่ทันที
ถุงมือนิรภัยเป็นอุปกรณ์ PPE ชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยปกป้องมือของผู้ปฏิบัติงาน ถุงมือนิรภัยแบ่งประเภทตามลักษณะงานที่ต้องใช้ เช่น ถุงมือป้องกันสารเคมี ถุงมือกันบาด ถุงมือกันความร้อน งานต่างๆย่อมมีอันตรายที่แตกต่างกัน จึงต้องเลือกใช้ถุงมือนิรภัยให้ถูกต้องตามลักษณะงาน ถุงมือป้องกันสารเคมี มีหลายประเภท เช่น ถุงมือป้องกันสารเคมีวัสดุยางไนไตรคุณภาพสูง ป้องกันสารเคมีได้ดี
รองเท้านิรภัยเป็นอุปกรณ์ PPE ที่ช่วยป้องกันเท้าของผู้ปฏิบัติงาน ในกรณีอยู่ในพื้นที่เสี่ยงของตกใส่เท้า การเหยียบของแหลมหรือของมีคม ทะลุฝ่าเท้า อุบัติเหตุดังกล่าวสามารถป้องกันได้โดยการสวมใส่รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก หรือรองเท้าเซฟตี้พื้นเหล็ก
ชุดป้องกันสารเคมี ใช้สำหรับงานที่ต้องปฏิบัติงานอยู่กับสารเคมีอันตราย จึงต้องสวมใส่ชุดป้องกันสารเคมี ไม่ให้สารเคมีสัมผัสกับร่างกายผู้ปฏิบัติงาน ชุดป้องกันสารเคมี มีทั้งแบบสำหรับสารเคมีทั่วไป สามรถซักทำความสะอาดได้ และแบบชุดป้องกันสารเคมีร้ายแรง แบบใช้แล้วทิ้ง
อุปกรณ์ป้องกันการตก (Fall Protection) เป็นอุปกรณ์ช่วยป้องกันอันตรายจากงานในที่สูง เช่น การทำงานบนนั่งร้าน หรือปีนเสา ประกอบด้วยชุดกันตก (Harness) สายช่วยชีวิต (Lanyard) หรืออุปกรณ์โรยตัวบนที่สูงอื่นๆ
หน้าที่ของอุปกรณ์ล็อคคือ การป้องกันการเปิด/ใช้งานสวิทต์ ที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ปฏิบัติงาน เช่นงานซ่อมบำรุง จะต้องมีระบบตัวล็อคเบรกเกอร์ป้องกันการทำงานของเครื่องจักร และแขวนป้ายเตือนให้เรียบร้อย ซึ่งอุุปกรณ์ล็อคเพื่อความปลอดภัย และแม่กุญแจ ยี่ห้อ Master Lock มาสเตอร์ล็อค นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในอเมริกา เป็นผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ล็อคและแม่กุญแจที่ได้มาตรฐาน OSHA
คัทเตอร์นิรภัย คัทเตอร์เซฟตี้ยี่ห้อ MARTOR เป็นคัทเตอร์สำหรับงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้คัทเตอร์สำหรับกรีดกล่องกระดาษ หรือถุงวัตถุดิบ คัทเตอร์นิรภัยทุกรุ่นสามารถเก็บใบมีดได้เองเมื่อตัดชิ้นงานเสร็จ ช่วยให้ลดอุบัติเหตุจากากรถูกใบมีดบาด ใบมีดลักษณะชิันเดียว จึงไม่สามารถหักและปะปนไปกับสินค้าได้
อ่างล้างตาฉุกเฉินเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ส่งน้ำสำหรับชำระล้างการปนเปื้อนของสารเคมีที่ใบหน้า ดวงตา หรือร่างกาย โดยมีวาล์วเปิดน้ำแบบมือผลักหรือเท้าเหยีบบ แทนวาล์วก๊อกแบบทั่วไป เพื่อให้สามารถเปิดน้ำได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยทั่วไป มาตรฐาน ANSI กำหนดให้จุดติดตั้งอ่างล้างตาฉุกเฉินต้องตั้งอยู่ ในจุดที่เข้าถึงได้ด้วยการเดินภายใน 10 วินาที (ระยะประมาณ 55 ฟุต หรือ 16.5 เมตร) โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
สารเคมีอันตรายเป็นสิ่งอันตรายที่ต้องมีการจัดเก็บอย่างถูกต้อง ตู้จัดเก็บสารเคมี JUSTRITE ออกแบบให้อุณหภูมิภายในตู้ไม่เกิน 162°C (325°F) ซึ่งครอบคลุมอุณหภูมิที่ทำให้เกิดการจุดระเบิดของสารเคมีได้ 99% โดยที่บานประตู บานพับต่างๆ ยังคงปิดแนบสนิทอยู่ได้ เมื่อถูกไฟเผาเป็นเวลา 10 นาที เพื่อให้มีเวลาสำหรับพนักงานได้ออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย และมีเวลาให้ระบบดับเพลิงแบบสปริงเกลอร์ได้ทำการดับเพลิงดังกล่าว (ถ้ามี)
หากมีสารเคมีหกหรือรั่วไหล ต้องใช้อุปกรณ์ดูดซับสารเคมี NEWPIG เพื่อทำความสะอาดและกักเก็บอย่างถูกต้อง ไม่ให้สารเคมีอันตรายปะปนไปทำกับน้ำเสียตามธรรมชาติ
ไฟฉายกันระเบิด PELICAN ได้รับมาตรฐานป้องกันระเบิดและไม่เกิดประกายไฟ สามารถใช้ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงได้ ไฟฉายกันระเบิด PELICAN มีหลายขนาดให้เลือกใช้ขึ้นอยู่กับลักษณะพิ้นที่ปฏิบัติงานของคุณ
ป้ายความปลอดภัย คือป้ายที่ใช้สัญลักษณ์ภาพหรือข้อความที่เป็นมาตรฐานสากลในการสื่อความหมายเพื่อแจ้งเตือน ห้าม หรือบังคับให้พนักงานหรือบุคคลภายนอกได้ทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
อุปกรณ์งานดับเพลิงที่มีมาตรฐานรับรอง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโรงงานและบริษัทห้างร้าน เนื่องจากตามข้อกฏหมายบังคับ อีกทั้งเราจะควรจะตรวจสอบดูแลบำรุงรักษา อุปกรณ์งานดับเพลิงให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้เสมอ
เครื่องตรวจวัดแก๊สเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการทำงานในพื้นที่อับอากาศและพื้นที่เสียงต่อก๊าซไวไฟถ้าไม่ตรวจเช็คก่อนปฏิบัติงานอาจอันตรายถึงชีวิต เครื่องตรวจวัดแก๊สมีทั้งแบบชนิดแก๊สเดี่ยวและ 4 แก๊สขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่ต้องปฏิบัติ
อุปกรณ์เซฟตี้ คืออุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานของผู้ใช้งานที่มีความเสี่ยงในขณะปฏิบัติงาน โดยมักจะมีข้อบังคับตามกฏหมายความปลอดภัย ให้ใช้อุปกรณ์เซฟตี้ต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน เช่นอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล หมวกเซฟตี้ แว่นตาเซฟตี้ รองเท้าเซฟตี้ ที่พนักงานจำเป็นต้องสวมใส่ หรือป้องกันจากความประมาท โดยทำเป็นระบบงาน เช่นอุปกรณ์ Lockout Tagout ขณะซ่อมบำรุงและจะครอบคลุมถึงความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมด้วย เช่นการป้องกันไม่ให้สารเคมีรั่วไหลไปสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นต้น
อุปกรณ์ PPE หมายถึง “Personal Protective Equipment” หรือ “อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันหรือลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ใช้ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือความปลอดภัย ซึ่งอาจรวมถึงอุปกรณ์ที่ใส่หรือใช้บนร่างกายผู้ปฏิบัติงาน เช่น ชุดป้องกันสารเคมี, หมวกเซฟตี้, แว่นตาเซฟตี้, หน้ากากกันสารเคมี, ถุงมือ, รองเท้าเซฟตี้ และอื่นๆ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการสัมผัส, การได้รับอันตรายจากสารเคมี, การบาดหรือการเฉือน ความร้อนและไฟฟ้าดูด หรืออุบัติเหตุอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงานหรือสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยและสุขภาพของบุคคลใดๆ
การใช้อุปกรณ์ PPE มีความสำคัญเพราะมันช่วยลดคการบาดเจ็บของผู้ปฏิบัติงาน หรืออันตรายอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นในการทำงานหรือกิจกรรมที่เสี่ยงต่อความปลอดภัย การใช้อุปกรณ์ PPE ต้องใช้อุปกรณ์เซฟตี้ที่มีมาตรฐานและวิธีใช้งานที่ถูกต้อง ต้องมีการอบรมให้ผู้ใช้ทราบถึงวิธีการใช้และดูแลรักษาอุปกรณ์ PPE อย่างถูกต้อง เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันความอันตรายจากการปฏิบัติงาน
อุปกรณ์เซฟตี้ที่มีมาตรฐานสามารถช่วยเหลือผู้ทำงานในหลายด้านได้อย่างมีนัยสำคัญ การใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานมีผลต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในสถานที่ทำงาน ให้ผลการผลิตเพิ่มสูงขึ้นอุปกรณ์ที่ผ่านการทดสอบและรับรองมักมีการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานและมีประสิทธิภาพที่ดี โดยจะแบ่งเป็นหัวข้อได้ดังนี้
การใช้อุปกรณ์ที่ผ่านมาตรฐานช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและบาดเจ็บในที่ทำงาน ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน
ต่อเนื่องจากความปลอดภัยในการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน เมื่อไม่มีการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุเกิดขึ้น ส่งผลให้พนักงานสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง โดยไม่มีการหยุดชะงัก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน
อุปกรณ์เซฟตี้ที่มีมาตรฐานนอกจากจะช่วยลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการทำงาน เช่นถุงมือนิรภัยช่วยให้หยิบจับชิ้นงานได้กระชับ ช่วยให้ทำงานถนัดมากขึ้น หรือเช่นหน้ากากป้องกันสารเคมี ช่วยป้องกันการสูดดมสารเคมีอันตรายเข้าสู่ร่างกายที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
อุปกรณ์เซฟตี้ หรืออุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการป้องกันอันตรายจากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง การจัดการและการเก็บรักษา PPE อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และรักษาประสิทธิภาพในการป้องกันอันตรายต่างๆ ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการเก็บรักษาและบำรุงรักษา PPE เพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนานและปลอดภัย
การดูแลรักษาและเก็บรักษาอุปกรณ์เซฟตี้ที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ แต่ยังช่วยให้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพเมื่อใช้งานจริง การใช้ PPE ที่ชำรุดหรือหมดสภาพอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บได้อย่างมาก การจัดเก็บและบำรุงรักษาที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ใช้งานควรใส่ใจ
การอบรมและให้ความรู้แก่ผู้ใช้งานเกี่ยวกับการจัดการและการเก็บรักษา PPE เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจถึงความสำคัญของการดูแลอุปกรณ์ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน การฝึกอบรมควรครอบคลุมถึงวิธีการตรวจสอบอุปกรณ์ วิธีการทำความสะอาด และการจัดเก็บในสถานที่ที่เหมาะสม
อุปกรณ์เซฟตี้หรืออุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment – PPE) เป็นด่านสำคัญในการป้องกันอันตรายและอุบัติเหตุในการทำงาน การดูแลรักษาอุปกรณ์เหล่านี้ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอุปกรณ์ที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพอาจไม่สามารถป้องกันอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานได้
การตรวจสอบประจำวัน ก่อนใช้งานอุปกรณ์เซฟตี้ทุกครั้ง ควรมีการตรวจสอบสภาพเบื้องต้น โดยสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เช่น รอยฉีกขาด รอยแตก การหลุดลอกของวัสดุ หรือการเสื่อมสภาพต่างๆ หากพบความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อย ควรงดใช้งานและแจ้งผู้รับผิดชอบทันที การละเลยความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้
การทำความสะอาดหลังใช้งาน หลังเลิกใช้งาน ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกชิ้นตามวิธีที่ผู้ผลิตแนะนำ บางอุปกรณ์อาจต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะ เช่น แว่นตานิรภัยควรล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม หมวกนิรภัยควรเช็ดทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงสายรัดและอุปกรณ์ปรับขนาด ส่วนอุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจต้องได้รับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อตามมาตรฐานที่กำหนด
การจัดเก็บอย่างถูกวิธี การจัดเก็บอุปกรณ์เซฟตี้อย่างเหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพการป้องกัน ควรจัดเก็บในที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่โดนแสงแดดโดยตรง และห่างจากสารเคมีหรือความร้อน ควรมีชั้นหรือตู้เก็บอุปกรณ์โดยเฉพาะ แยกประเภทให้เป็นระเบียบ และติดป้ายระบุชื่อผู้ใช้งานหรือรหัสประจำตัวเพื่อป้องกันการสับเปลี่ยนหรือใช้งานร่วมกัน
การตรวจสอบประจำเดือน นอกจากการตรวจสอบประจำวันแล้ว ควรมีการตรวจสอบสภาพอุปกรณ์อย่างละเอียดทุกเดือน โดยใช้แบบฟอร์มตรวจสอบที่ระบุหัวข้อการตรวจสอบชัดเจน เช่น ความสมบูรณ์ของตัวอุปกรณ์ การทำงานของกลไกต่างๆ อายุการใช้งาน และกำหนดการเปลี่ยนทดแทน ผลการตรวจสอบควรได้รับการบันทึกและเก็บไว้เป็นหลักฐาน
การซ่อมบำรุงตามกำหนด อุปกรณ์เซฟตี้บางประเภทต้องได้รับการซ่อมบำรุงตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น เครื่องช่วยหายใจ อุปกรณ์ป้องกันการตก หรืออุปกรณ์ที่มีชิ้นส่วนกลไก การซ่อมบำรุงต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรอง และต้องมีการบันทึกประวัติการซ่อมบำรุงทุกครั้ง
การเปลี่ยนทดแทนตามอายุการใช้งาน อุปกรณ์เซฟตี้ทุกชนิดมีอายุการใช้งานที่จำกัด แม้จะดูแลรักษาอย่างดี เมื่อถึงกำหนดต้องเปลี่ยนทดแทน ควรดำเนินการทันทีโดยไม่ผัดผ่อน เพราะอุปกรณ์ที่เกินอายุการใช้งานอาจเสื่อมประสิทธิภาพโดยที่ไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ควรมีระบบติดตามอายุการใช้งานและแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อใกล้ถึงกำหนดเปลี่ยน
การฝึกอบรมผู้ใช้งาน การดูแลรักษาอุปกรณ์เซฟตี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อผู้ใช้งานมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ควรจัดให้มีการฝึกอบรมเรื่องการใช้งานและการดูแลรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการทบทวนความรู้และอัพเดทข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์เซฟตี้
การดูแลรักษาอุปกรณ์เซฟตี้เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนในองค์กร ตั้งแต่ผู้บริหารที่ต้องจัดสรรงบประมาณและกำหนดนโยบาย เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยที่ต้องควบคุมดูแล จนถึงพนักงานผู้ใช้งานที่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการดูแลรักษาอย่างเคร่งครัด เพราะความปลอดภัยในการทำงานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประมาทได้ และอุปกรณ์เซฟตี้ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจะเป็นเกราะป้องกันที่มั่นคงให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคน
กฎหมายเกี่ยวกับการบังคับใช้อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในการทำงานในประเทศไทย
กฎหมายในประเทศไทยได้กำหนดข้อบังคับที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย (Personal Protective Equipment: PPE) เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและโรคที่เกิดจากการทำงาน และความสำคัญของการบังคับใช้อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในการทำงานในประเทศไทย นายจ้างจึงจำเป็นต้องจัดเตรียมอุปกรณ์เซฟตี้ที่เหมาะสมให้กับพนักงาน
พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 พระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นกฎหมายหลักที่กำหนดให้ทุกสถานประกอบกิจการต้องดูแลความปลอดภัยของลูกจ้าง รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยให้เหมาะสมกับลักษณะงาน โดยมาตรา 6 ระบุว่า นายจ้างมีหน้าที่จัดหาและดูแลอุปกรณ์ความปลอดภัยให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และต้องฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้
กฎกระทรวงแรงงาน กระทรวงแรงงานได้ออกกฎกระทรวงต่างๆ เพื่อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรม เช่น กฎกระทรวงว่าด้วยความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล พ.ศ. 2563 ซึ่งระบุว่าพนักงานต้องใช้อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล เช่น มาตรฐาน CE, ANSI หรือ ISO
กฎหมายแรงงาน กฎหมายแรงงานระบุให้สถานประกอบกิจการต้องจัดหาสิ่งจำเป็นที่ช่วยลดความเสี่ยงในการทำงาน เช่น ถุงมือป้องกัน สวมหมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย และรองเท้าหัวเหล็ก ทั้งนี้ยังต้องจัดให้มีการตรวจสอบอุปกรณ์เป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถป้องกันอันตรายได้
เวริเซฟ จำหน่ายอุปกรณ์เซฟตี้มามากกว่า 15 ปี มีความเชี่ยวชาญสูงในการให้คำแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์เซฟตี้ มีลูกค้าให้ความไว้วางใจใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เวริเซฟยินดีให้คำปรึกษา การเลือกใช้อุปกรณ์เซฟตี้ที่เหมาะสมกับงานของคุณ โดยอุปกรณ์เซฟตี้ที่เราคัดสรรมาจำหน่าย มีมาตรฐานรับรองทุกรายการ เป็นอุปกรณ์ที่ผ่านการทดสอบด้วยความปลอดภัยจากหน่วยงานชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก
No account yet?
Create an Account